วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551

วิจัยการจำแนกลักษณะซากดึกดำบรรพ์ในหินปูน:กรณีศึกษาในพื้นที่จังหวัดเลย

การจำแนกลักษณะซากดึกดำบรรพ์ในหินปูน : กรณีศึกษาในพื้นที่จังหวัดเลย
Categorization of the Fossil Limestone: the Case study in Loei Province

นายอุทัย ไชยวุฒิ ครู ชำนาญการ โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยาเขต 1 อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา 56120
Uthai Chaiwuth, Ban Tum Pra Cha Bum Rung School, Phayao Eduactional Service Area Office 1, Amphur Dok Kham Tai, Pyahao Province, 56120

สนับสนุนการวิจัยโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)ร่วมกับศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ภูกุมข้าว พิพิธภัณฑ์สิรินธร

บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อศึกษาซากดึกดำบรรพ์สะสมอยู่ในชั้นหินที่โผล่ให้เห็น ในพื้นที่ศึกษาจังหวัดเลยจำแนกชนิดโดยอาศัยการเทียบเคียงกับรายงานที่เคยมีผู้ศึกษามาก่อนเพื่อนำผลของการศึกษาไปประยุกต์ใช้ ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยประกอบด้วย (1) การสัมภาษณ์ (2) สำรวจพื้นที่แหล่งที่พบซากดึกดำบรรพ์
ผลการสัมภาษณ์กลุ่มประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงแหล่งสำรวจ และผู้เชี่ยวชาญ ด้านธรณีวิทยา พบว่าในพื้นที่และแหล่งที่พบซากดึกดำบรรพ์ยังมีปัญหาทางด้านการจัดการและการบริหารซากดึกดำบรรพ์ในหินปูน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซากดึกดำบรรพ์บางส่วนถูกขนย้ายออกนอกพื้นที่ โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงจากส่วนราชการหรือหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ผลการศึกษาและสำรวจพื้นที่พบซากดึกดำบรรพ์ที่จำแนกความแตกต่างได้ประมาณ 14 ชนิด โดยแยกเป็นยุคต่าง ๆ ได้ดังนี้
พบซากดึกดำบรรพ์ในยุคดีโวเนียน อายุประมาณ 410 – 355 ล้านปีพบใน 4 ไฟลัม 6 ชนิด โดยซากดึกดำบรรพ์ ในไฟลัมโปรโตซัว (Phylum Protrozoa) พบฟิวซูลินิด (Fusulinid) 1ชนิด ไฟลัมไนดาเรีย (Phylum Cnidaria) พบปะการัง 2 ชนิด (Coral) ไฟลัมแบรคิโอโพดา( Phylum Brachiopoda)พบแบรคิโอพอด (Brachiopod) ไฟลัมเอไคโนเดอร์มาตา (Phylum Echinodermata) พบไคร์นอยด์ (Crinoid) 2 ชนิด
พบซากดึกดำบรรพ์ในยุคคาร์บอนิเฟอร์รัส บาชกิเรียน อายุประมาณ 355 – 295 ล้านปี ไฟลัมไนดาเรีย
พบปะการัง 2 ชนิด ไฟลัมโปรโตซัว พบฟิวซูลินิด 2 ชนิดในไฟลัมเอไคโนเดอร์มาตา พบไครนอยด์ 2 ชนิด พบซากดึกดำบรรพ์ยุคเพอร์เมียน อายุประมาณ 299 – 251 ล้านปี ไฟลัมโปรโตซัวพบฟิวซูลินิด จำนวน 2 ชนิด

คำสำคัญ : การจำแนก ลักษณะซากดึกดำบรรพ์

Abstract
This study aimed to study the fossil limestone embedded in outcrop in Loei Province. The literature review was adopted in order to apply the insight into the knowledge based management. The tools were interview and on site survey.
The results of the interview of both people and expert revealed that there were some problems concerning the management, fossil limestone management, environmental problems, and removal of some fossils due to the lack of impeccable investigation by both governmental sectors and local government in the area and the archeology site. The fossils could be categorized in to 14 categories as followed according to the results of the study and survey.
The Devonian fossils, aged around 410-355 million years, were found in 4 phylums, 6 types. The Fusulinid in Phylum Protrozoa together with two types of corals in Phylum Cnidaria were found. There were also Brachiopod in Phylum Brachiopoda and Two types of Crinoid in Phylum Echinodermata found. The Carboniferous Bashkirian fossils aged around 355-295 million years were also found. Not only the two types of corals in Phylum Cnidaria, but also the two of fusulinid in Phylum Protozoa were found. Two types of Crinoid in Phylum Echinodermata were found as well as Permasin fossil aged around 299-251 million years. Nevertheless, in Phylum Protrozoa, the two types of fusulinid were found.

Keywords: categorization, characteristics of fossils

วิจัยการจำแนกลักษณะซากดึกดำบรรพ์ในหินปูน:กรณีศึกษาในพื้นที่จังหวัดเลย

วิจัยการทดแทนสังคมพืชป่าเต็งรังป่าโคกหินลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม


ศึกษาการทดแทนของสังคมพืชป่าเต็งรัง ป่าชุมชนโคกหินลาด
อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

Succession in Dry dipterocarp forest : A Case Study of Khokhinlad Community Forest, Muang District, Mahasarakham Province

อุทัย ไชยวุฒิ[1]ครู ชำนาญการ
Uthai Chaiwuth.
สนับสนุนทุนการวิจัยโดยสำนังานงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
(สกว.)ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตามโครงการครุวิจัย ปีงบประมาณ 2550 ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2550

บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายศึกษาการทดแทนของสังคมพืชป่าเต็งรัง ที่มีระดับปัจจัยการรบกวนป่าที่แตกต่างกัน 3 แปลงคือ แปลงที่ถูกรบกวนเล็กน้อยหรือป่าที่มีความสมบูรณ์ แปลงที่ถูกรบกวนจากการตัดไม้ เก็บของป่าและไฟป่า แปลงที่ถูกบุกรุกจากการโครงการปลูกป่าเศรษฐกิจ โดยการเก็บข้อมูลภาคสนาม วิธีการศึกษาใช้วิธีการวางแปลงตัวอย่าง ขนาด 20 x 60 เมตร จำนวน 3 แปลง เพื่อศึกษาพรรณไม้ ขนาด 5 x 5 เมตร เพื่อศึกษาไม้หนุ่มจำนวน 3 แปลง ศึกษาชนิดพรรณไม้ ศึกษาพรรณไม้หนุ่ม และศึกษากล้าไม้ที่ขึ้นในแปลงเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างของสังคมพืช เพื่อหาค่าดัชนีความหนาแน่นสัมพัทธ์ (Relative density) ความถี่สัมพัทธ์ (Relative frequency)ความเด่นสัมพัทธ์ (Relativedominance) ดัชนีความสำคัญ (Importance Value Index=IVI) ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ (Diversity index-H) และค่าการกระจายตัว (Evenness:EH)
ผลการศึกษาพบว่า แปลงที่ถูกรบกวนน้อยหรือสมบูรณ์ที่สุด พบพรรณไม้ยืนต้นจำนวน 28 ชนิดไม้หนุ่ม จำนวน11 ชนิด กล้าไม้ จำนวน 5 ชนิด แปลงที่ถูกรบกวนจากการตัดไม้ เก็บของป่าและไฟป่าพบพรรณไม้ยืนต้นจำนวน 12 ชนิดไม้หนุ่มจำนวน 2 ชนิด และกล้าไม้จำนวน 12 ชนิด และแปลงป่าที่ถูกบุกรุกเพื่อปลูกไม้เศรษฐกิจ พบพรรณไม้จำนวน 19 ชนิดไม้หนุ่ม จำนวน 16 ชนิด กล้าไม้ จำนวน 10 ชนิด แตกต่างจากแปลงที่ 1และ 2 จำนวน 7 ชนิด และพบพรรณไม้ที่เบิกนำ (Pioneer species) คือ (Acacia auriculiformis Cunn.) กระถินณรงค์,(Gluta usitata (Wall.)Ding Hou) น้ำเกลี้ยง,(Pterocarpus macrocarpus Kurz.) ประดู่(,Antidesma ghasembilla Gaerth.)เม่า,(Memecylon edule Roxb.) เหมือดแอ (,Cratoxylum formosum Dyer) ติ้วขาว (Terminalia alata Heyne ex Roth )เชือกมีการกระจายตัวของชั้นอายุไม้แบบตัวเจ (Reversed-J) ส่วนใหญ่เป็นไม้ขนาดเล็กเป็นลูกไม้ (Seedling) และไม้หนุ่ม (Sapling) มีจำนวนมากเป็นป่ารุ่นสองหรือป่าฟื้นตัว (Secondaly forest)

คำสำคัญ : ปัจจัยที่รบกวนสังคมพืช การบุกรุกพื้นที่ป่า การทดแทนของสังคมพืช

ABSTRACT
The education this time have the goal studies the returning of plant deciduous forest nest social , at high class battle factor stirs different forest 3 modify to is , modify that disturbed a little or , the forest where have the completeness , modify at touch [ cheap ] disturb from wood slitting , wildfire , modify at touch [ cheap ] trespass from something the project afforests the economy , in community mound stone forest pours , collect data field part , between on (day) 8 - 11 April 2550 the way studies to use the way lays to disguise type , 20 x 60 sizes are meter , 3 amounts modify , for study the kind of tree , 5 x 5 sizes are meter , for study 3 young man amount woods modify , study kind of tree kind , study kind of young man tree , and study the seedling which go up in modify for analyse the structure of plant social , for seek index density value relatively , (Relative density) , the frequency relatively , (Relative frequency) , the distinction relatively
Teacher, BanThamphachabamrung School,Amphur Dokkhamtai, Phayao 56120
(Relativedominance) , importance index , (Importance Value Index=IVI) , variety way biological index , (Diversity index-H) , and splitting value (Evenness:EH) ,
The education meets that , , modify that disturbed a little or , completed most , meet 28 kind of perennial amount kind wood young man trees , 11 amounts are kind , seedling , 5 amounts are kind , modify at touch [ cheap ] disturb from wood slitting , pick of the forest and the wildfire meet 2 12 kind of perennial amount kind wood young man amount kind trees , and 12 amount kind seedlings , and modify the forest where trespassed for grow economy wood , meet 19 kind of amount kind wood young man trees , 16 amounts are kind , seedling , 10 amounts are kind , different from modify at 1 and 2 7 kind amounts , and meet the kind of tree that bring to lead (Pioneer species) , be , Acacia auriculiformis Cunn. , lead Narong tree ,Gluta usitata (Wall.)Ding Hou , smooth water is ,Pterocarpus macrocarpus Kurz. , the Pterocarpus macrocarpus is ,Antidesma ghasembilla Gaerth. , ,Memecylon edule Roxb. , in a faint young manner ,Cratoxylum formosum Dyer , tally used in white counting is Terminalia alata Heyne ex Roth , a rope has splitting of age the wood like [ model ] , the vegetarian food [ J letter ] (Reversed-J) , the majority is small-sized wood is the tricks (Seedling) , and young man wood (Sapling) , there is a lot of two generation forest or , the forest recovers (Secondaly forest) ,

Keywords : The factor that disturb plant social , Area forest trespass , , The returning of plant social ,
[1] ครู โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยา เขต 1 อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
Teacher, BanThamphachabamrung School,Amphur Dokkhamtai, Phayao 56120

วิจัยพฤติกรรมในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์


ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ สาระประวัติศาสตร์ ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง
อำเภอดอกคำใต้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยาเขต1

The behavioral study on learning in history of student in
Prathomsuksa 5 Banthamprachabumrung School,
Dokhamtai district, in Phayao Educational Service Area 1

อุทัย ไชยวุฒิ[1]ครู ชำนาญการ
Uthai Chaiwuth.

บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ สาระประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง อำเภอดอกคำใต้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยา เขต 10 จังหวัดพะเยา โดยทำการศึกษาประชากรตัวอย่างเพื่อนำมาศึกษาวิจัยใน ครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน เพื่อหาข้อมูลและทดสอบเครื่องมือนำมาใช้ในกลุ่มประชากรที่ศึกษา ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้แบบสอบถาม ข้อมูลทั่วไป ความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้านดี เก่ง และมีสุข ปัญหาและความต้องการที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้เรียน ตลอดจนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ สาระประวัติศาสตร์ พบว่าปัญหาและอุปสรรที่มีผลต่อพฤติกรรมนั้นในระดับปานกลางคือเนื้อหาที่อยู่ไกลตัวจากผู้เรียน ในการศึกษาครั้งนี้ควรนำเนื้อหาที่เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาเชื่อมโยงกับชุมชนหรือท้องถิ่นที่ผู้เรียนได้เห็นและอยู่ใกล้ตัวที่สามารถเชื่อมโยงในท้องถิ่นตนเอง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาประวัติศาสตร์ควรไปศึกษาจากแหล่งเรียนรู้หรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น
ในระดับความต้องการของผู้เรียนในวิชาประวัติศาสตร์ที่ส่งผลต่อความสนใจและชอบแสวงหาความรู้ ที่จะเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในประเด็นของวิชาประวัติศาสตร์ควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและที่ผู้เรียนอาศัยอยู่ในระดับมากที่สุด และในระดับปานกลางนั้น เนื้อหาที่จัดกิจกรรมควรสอดคล้องกับประวัติท้องถิ่น สื่อการสอนที่หลากหลาย และครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบกันเอง
คำสำคัญ :

ABSTRACT
This research aimed to study learning in history of Prathomsuksa 5 Banthamprachabumrung School, Dokhamtai district, in Phayao Educational Service Area 1. The sample group consisted of 30 people. This sample group was used for data collecting and instrument testing. The research instruments were questionair on expected behavior in learner’s academic performance, morolity, well being, level of problem and needs which affected learner’s behavior as well as opinion and suggestion.
The research found that the learner’s in history and inactive self-learning, problem and obstacles which affected the behavior at a moderate level was being unfamiliar with content. It was found that the historical content which related to local community should be brought to historical learning. The learner should have a chance to paticipate in learning activity. The highest level of learner’s needs was historical learning which was relevant in their local community. The moderate level of learner’s needs was various materials and teacher’s comon style learning plan.
[1] ครู โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยา เขต 1 อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
Teacher, BanThamphachabamrung School,Amphur Dokkhamtai, Phayao 56120

วิจัยประวัติศาสตร์การจัดการเรียนรู้บูรณาการโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชน


การจัดการเรียนรู้บูรณาการ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนบ้านถ้ำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม (สาระประวัติศาสตร์ )
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง อำเภอดอกคำใต้
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยาเขต 1

Integrative management plan on historical resource center in local community Prathomsuksa 5 Banthamprachabumrung School, Dokhamtai district,
in Phayao Educational Service Area 1.

อุทัย ไชยวุฒิ[1]ครู ชำนาญการ
Uthai Chaiwuth.

บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการจัดการเรียนรู้บูรณาการโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนบ้านถ้ำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) แบบสัมภาษณ์ (2) แบบทดสอบก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน (3) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้าน เก่ง ดี มีสุข ระดับปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน เรื่อง การจัดการเรียนรู้บูรณาการโดยแหล่งเรียนรู้ในชุมชนบ้านถ้ำ พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 นั่นคือ คะแนนหลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน หมายความว่า หลังจากที่ดำเนินการ ตามที่กำหนดไว้ ปรากฏว่าผลสัมฤทิ์ของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแสดงให้เห็นว่า การจัดการเรียนรู้บูรณาการโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนให้สูงขึ้น
ด้านพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของผู้เรียน ด้านดี อยู่ในระดับมาก ด้านเก่งอยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านมีสุขมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก ในระดับปัญหาของผู้เรียนในวิชา ประวัติศาสตร์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.99 อยู่ในระดับน้อย ด้านความต้องการของผู้เรียนมีค่าระดับความต้องการในการเรียน อยู่ในระดับ มาก
คำสำคัญ :

ABSTRACT
This research aimed to study the integrative management plan on historical resource center in local community by Prathomsuksa 5 Banthumprachabumrung School, Dokhamtai district ,in Phayao Educational Service Area 1. The sample group consisted of 20 students of Prathomsuksa 5. They’re studying in second semester of academic year 2007. The research instruments were 1. the integrative management plan on historical resource center in local community 2 pretest-posttest 3. questionair on expected behavior in learn’s academic performance, morolity, well being, level of learner’s needs and suggestion. The statistic used for data anylysis were frequency, percentage, mean,standard deviation and coefficient of vaiation.
The research found that the expected behavior by using activities and learning document which was correlative to the standard of integrative management plan on historical resource center in localcommunity made after learn’s knowledge was higher than that before. The coefficient of variation was at 11.54. This resulf showed that the efficiency of process was good.
The expected behavior of learner on moraliy was at high level. In terms of learner’s acadamic, it was at moderate level and the level of learner’s expected behavior on well being was high.
[1] ครู โรงเรียนบ้านถ้ำประชาบำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพะเยา เขต 1 อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
Teacher, BanThamphachabamrung School,Amphur Dokkhamtai, Phayao 56120

ประวัติชุมชนบ้านถ้ำยุคปัจจุบัน


ในยุคปัจจุบันโดยเริ่มต้นในช่วงที่ชุมชนตำบลบ้านถ้ำ เริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ.2400 ตรงกับเดือน 6 เหนือขึ้น 5 ค่ำ วันจันทร์ ปีสง้า (ปีมะเมีย) มีชาวบ้านจากนาแงะนางเหลียว อำเภอเกาะคา จำนวน 7 ครอบครัว อพยพพากันมาอาศัยอยู่บ้านถ้ำ และได้เลือกทำเลพื้นที่สร้างหอผีประจำหมู่บ้าน อันเป็นเวลาของการฟื้นฟูบ้านเมืองซึ่งมีการกวาดต้อนและการอพยพของชนกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในตำบลบ้านถ้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้คติการนับถือผี ความเชื่อหล่อหลอมรวมกัน ทำให้ผีวิญญาณอเนกอนันต์ที่คุ้มครองบริเวณหมู่บ้าน ป่าเขาให้ร่มเย็นเป็นสุข มีความอุดมสมบูรณ์และได้ตั้งชื่อหอผีประจำหมู่บ้านว่า “หอเจ้าพ่อล้านจ๊าง”ชุมชนตำบลบ้านถ้ำ มีทั้งระบบความเชื่อเรื่องผี และพระพุทธศาสนา ชุมชนตำบลบ้านถ้ำ เหมือนชุมชนอื่นในแถบดินแดนล้านนาที่ มีความหลากหลายและผูกพันกับความเชื่อความศรัทธา แม้ว่าพระพุทธศาสนาจะได้รับการนับถืออย่างแนบแน่น และมีบทบาทอย่างสำคัญเกี่ยวข้องอยู่ในวิถีชีวิตของชาวล้านาเป็นอย่างมาก แต่อิทธิพลของพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถจะกลบเกลื่อนคติความเชื่อแบบดั้งเดิมได้หมด ดังนั้นในสังคมของล้านนาการนับถือผีที่ยังคงมีอยู่และปะปน ไปกับพระพุทธศาสนาดังสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้พระพุทธศาสนาของล้านนาในทุกวันนี้จึงมิได้เป็นพระพุทธศาสนาแบบนักปรัชญา แต่จะเป็นพระพุทธศาสนาแบบชาวบ้าน ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างพระพุทธ พราหมณ์และผี(อุทัย ไชยวุฒิ. ประวัติ ตำบลบ้านถ้ำ เนื่องในโอกาสฉลองกำแพงวัดสุวรรณคูหา ตำบลบ้านถ้ำ : 2535)

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ประวัติชุมชนบ้านถ้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์


ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ทางศุนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านได้จัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ยุคหินขัดที่พบตามแนวที่ราบเชิงเขา ทำให้ทราบว่าเป็นดินแดนที่มีความเก่าแก่ดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง จากการพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยหิน ในระยะเวลา ๕,๐๐๐ ปี ถึง ๒,๕๐๐ ปี มาแล้ว ใช้เครื่องมือในกลุ่ม" เครื่องมือหินขัด " ( Polished Stone Adzes / Axes ) ซึ่งพบแหล่งผลิตขนาดใหญ่ที่ดอยภูซาง ตำบลนาซาว อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน มีก้อนหินถูกกะเทาะแกนหินสะเก็ดหิน เครื่องมือหินที่ชำรุดเสียหาย กระจัดกระจายตามที่ลาดและยอดเขาอย่างหนาแน่นสะท้อนให้เห็นว่าแหล่งโบราณคดีบนเขาเหล่านี้คือสถานที่ผลิตเครื่องมือหิน โดยกะเทาะแล้วนำไปขัดและยังนำไปใช้แหล่งอื่น ในอำเภอดอกคำใต้พบตามแนวที่ราบเชิงเขาทอดยาวจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ ตั้งแต่บ้านปางงุ้น ตำบลหนองหล่ม เขตอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลสันโค้ง เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ ตำบลดงสุวรรณ และตำบลห้วยลานระยะทางกว่า ๘๐กิโลเมตรพบเครื่องมือหินขัดชนิดมีบ่าและไม่มีบ่าตุ้มถ่วง และกำไลหิน ร่องรอยถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหินใหม่ ที่พบบริเวณเพิงผาถ้ำดูก หมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านถ้ำ น่าจะเป็นที่พักชั่วคราว และชำแหละสัตว์โดยนำกระดูกทิ้งในบริเวณปากถ้ำไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันได้มีนักล่าสมบัติและมีบุคคลบางกลุ่มได้ไปขุดค้นทำลายหลักฐานทางโบราณคดีไปอย่างน่าเสียดาย ในยุคนี้มีคนหลายกลุ่มที่เคยอาศัยอยู่บนที่สูง น่าจะเคลื่อนย้ายลงมาอยู่ในที่ราบริมน้ำ มีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และทำเครื่องปั้นดินเผา จากหลักฐานต่างๆ ทำให้สันนิษฐานว่าน่าจะมีการติดต่อกับเมืองน่านและจังหวัดเชียงรายเพราะมีเครื่องมือหินขัดชนิดเดียวกัน ในยุคนี้ไม่มีหลักฐานที่พอจะเห็นการพัฒนาการต่อมาจนถึงยุคหลัง
เครื่องมือเครื่องใช้ที่ของมนุษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พบที่ราบเชิงเขาตำบลบ้านถ้ำ

กิจกรรมที่นิทรรศการแสดงประวัติชุมชน









ภายในอาคารจัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ยุคหินขัดที่พบตามแนวที่ราบเชิงเขา ทำให้ทราบว่าเป็นดินแดนที่มีความเก่าแก่ดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง จากการพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยหิน ในระยะเวลา ๕,๐๐๐ ปี ถึง ๒,๕๐๐ ปี มาแล้ว ใช้เครื่องมือในกลุ่ม" เครื่องมือหินขัด " ( Polished Stone Adzes / Axes ) ซึ่งพบแหล่งผลิตขนาดใหญ่ที่ดอยภูซาง ตำบลนาซาว อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน มีก้อนหินถูกกะเทาะแกนหินสะเก็ดหิน เครื่องมือหินที่ชำรุดเสียหาย กระจัดกระจายตามที่ลาดและยอดเขาอย่างหนาแน่นสะท้อนให้เห็นว่าแหล่งโบราณคดีบนเขาเหล่านี้คือสถานที่ผลิตเครื่องมือหิน โดยกะเทาะแล้วนำไปขัดและยังนำไปใช้แหล่งอื่น ในอำเภอดอกคำใต้พบตามแนวที่ราบเชิงเขาทอดยาวจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ ตั้งแต่บ้านปางงุ้น ตำบลหนองหล่ม เขตอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลสันโค้ง เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ ตำบลดงสุวรรณ และตำบลห้วยลานระยะทางกว่า ๘๐กิโลเมตรพบเครื่องมือหินขัดชนิดมีบ่าและไม่มีบ่าตุ้มถ่วง และกำไลหิน ร่องรอยถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหินใหม่ ที่พบบริเวณเพิงผาถ้ำดูก หมู่ที่ ๕ ตำบลบ้านถ้ำ น่าจะเป็นที่พักชั่วคราว และชำแหละสัตว์โดยนำกระดูกทิ้งในบริเวณปากถ้ำไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันได้มีนักล่าสมบัติและมีบุคคลบางกลุ่มได้ไปขุดค้นทำลายหลักฐานทางโบราณคดีไปอย่างน่าเสียดาย ในยุคนี้มีคนหลายกลุ่มที่เคยอาศัยอยู่บนที่สูง น่าจะเคลื่อนย้ายลงมาอยู่ในที่ราบริมน้ำ มีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และทำเครื่องปั้นดินเผา จากหลักฐานต่างๆ ทำให้สันนิษฐานว่าน่าจะมีการติดต่อกับเมืองน่านและจังหวัดเชียงรายเพราะมีเครื่องมือหินขัดชนิดเดียวกัน ในยุคนี้ไม่มีหลักฐานที่พอจะเห็นการพัฒนาการต่อมาจนถึงยุคหลัง
เครื่องมือเครื่องใช้ที่ของมนุษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พบที่ราบเชิงเขาตำบลบ้านถ้ำ
ชุมชนตำบลบ้านถ้ำ เริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ.2400 ตรงกับเดือน 6 เหนือขึ้น 5 ค่ำ วันจันทร์ ปีสง้า (ปีมะเมีย) มีชาวบ้านจากนาแงะนางเหลียว อำเภอเกาะคา จำนวน 7 ครอบครัว อพยพพากันมาอาศัยอยู่บ้านถ้ำ และได้เลือกทำเลพื้นที่สร้างหอผีประจำหมู่บ้าน อันเป็นเวลาของการฟื้นฟูบ้านเมืองซึ่งมีการกวาดต้อนและการอพยพของชนกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในตำบลบ้านถ้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้คติการนับถือผี ความเชื่อหล่อหลอมรวมกัน ทำให้ผีวิญญาณอเนกอนันต์ที่
คุ้มครองบริเวณหมู่บ้าน ป่าเขาให้ร่มเย็นเป็นสุข มีความอุดมสมบูรณ์และได้ตั้งชื่อหอผีประจำหมู่บ้านว่า “หอเจ้าพ่อล้านจ๊าง”

ประวัติและความเป็นมาของศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ




ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านถ้ำ
ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านถ้ำ ทางหลวงหมายเลข 1251หลักกิโลเมตรที่ 14 ถนนดอกคำใต้ – เชียงม่วน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
ประวัติความเป็นมา
ในปี 2524 นายอุทัย ไชยวุฒิ ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูโรงเรียนบ้านปินเหนือ อำเภอดอกคำใต้ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นชุมชนชนบทแต่เป็นช่วงเวลาที่มีการนำเทคโนโลยี่เข้ามาใช้ในการทำการเกษตรโดยในนามควายเหล็ก หรือรถไถชนิดเดินตาม เริ่มเข้ามาทดแทนเครื่องใช้ทางการเกษตรที่มีมาแต่เดิมเช่นแอก ไถไม้ เผือและอุปกรณ์เครื่องใช้พื้นบ้าน จึงมีการนำมาแลกเครื่องใช้ที่ผลิตจากเทคโนโลยี่สมัยใหม่ โดยมีการนำเครื่องใช้พื้นบ้านไปแปรรูปเป็นของตกแต่ง ปัญหาของชุมชนในการทำการเกษตรได้ผลไม่คุ้มค่า ผลผลิตตกต่ำ ปัญหาที่ตามมาไม่ว่าเรื่องตกเขียว การขายบริการของเด็กผู้หญิง ค่านิยมการส่งลูกไปทำงานต่างถิ่นเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ได้กระตุ้นให้เกิดสำนึกว่าการเป็นครูควรทำอะไรให้มากกว่าที่สอนแต่นักเรียนเพียงอย่างเดียว จึงมีการเริ่มจากการเก็บรวบรวมสะสมเครื่องใช้พื้นบ้าน และริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขึ้น โดยร่วมมือกับกลุ่มเพื่อนครูพัฒนา ใน4 ตำบลได้จัดทำโครงการช่วยเหลือนักเรียนและปลูกฝังให้กับเด็กและเยาวชนในนาม “เด็กรักถิ่น” ร่วมกับ NGO ต่อมาเห็นว่าอาจารย์อุทัย ไชยวุฒิสมาชิกกลุ่มได้เก็บรวบรวมโบราณวัตถุอยู่แล้ว จึงมีการสนับสนุนในการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำขึ้น ซึ่งก่อตั้งและรวบรวมเอกสาร โบราณวัตถุ เครื่องใช้พื้นบ้าน เป็นศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน มีเนื้อที่ทั้งหมด 9 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นอาคารใช้แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์ที่แสดงการก่อตั้งชุมชน เครื่องใช้ โบราณวัตถุที่พบในอำเภอดอกคำใต้ ตั้งแต่ยุคหินถึงปัจจุบัน ซึ่งใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในเขตพื้นที่ 4 ตำบล มีตำบลบ้านปิน ตำบลหนองหล่ม ตำบลคือเวียง และตำบลบ้านถ้ำ
แรงบันดาลใจ
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากชุมชนชนบทที่ช่วยเหลือพึ่งพิงตัวเอง สังคมที่เอื้ออาทรมาสู่สังคมที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีที่มีการนำวิถีชีวิตแบบสังคมเมือง ในปี 2524 เป็นปีแห่งการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนเครื่องมือการเกษตรที่ผลิตขึ้นมาเอง ค่านิยมแบบสมัยใหม่มาปลุกกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงเวลานั้น ในปี 2535 ครูในท้องถิ่นจึงมีการรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือและพยุงชุมชนให้มีการปรับตัวเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ให้เกิดปัญหาให้น้อยที่สุด จึงได้มีการกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้กลับมาศึกษาเอกลักษณ์ของชุมชน เช่น ฟ้อนเล็บ ฟ้อนสาวไหม ซอจ้อย และได้เรียนรู้ประวัติของชุมชนจึงได้มีการตั้ง ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ โดยการลงทุนของอาจารย์อุทัย ไชยวุฒิในพื้นที่นาในปี 2535และได้จัดกิจกรรมให้กับเด็กเยาวชนและชุมชนใน 4 ตำบล ของอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา

กิจกรรมศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ
ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ให้กับกลุ่มและองค์กรต่างๆที่เข้ามาเยี่ยมชม จัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออก เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมให้กับนักเรียน 4 ตำบล คือตำบลบ้านปิน ตำบลหนองหล่ม ตำบลคือเวียงและตำบลบ้านถ้ำ ในอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
เป็นสถานที่ตั้งศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ในปี 2547 และมีพิธีเปิดเมื่อ วันที่ 4 มิถุนายน 2547
หน่วยงานที่สนับสนุน
- ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
- เทศบาลตำบลบ้านถ้ำ สนับสนุนงบประมาณปี 2547 จำนวน 40,000 บาท ในการจัดนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ดอกคำใต้และพิธีเปิดศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตำบลบ้านถ้ำ จำนวน 40,000 บาท
ปัญหาและอุปสรรค
ในการดำเนินงานของศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ เป็นการบริหารงานด้วยงบประมาณของอาจารย์อุทัย ไชยวุฒิ ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น โดยไม่เรียกเก็บค่าเข้าชมหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จึงมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือการจัดการบริหารของศูนย์วัฒนธรรมดังต่อไปนี้
1. ค่าใช้จ่ายในการดูแล ในการบริหารงานในแต่ละเดือนโดยใช้งบประมาณทั้งหมด โดยไม่มีรายได้หรือการสนับสนุนจากหน่วยงานหรือรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
2. การตระหนักถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น จากหน่วยงานของท้องถิ่นและชุมชนเห็นความสำคัญน้อยมาก
3. การสนับสนุนจากส่วนราชการ หรือการเข้ามาช่วยเหลือน้อยมาก
4. ขาดทักษะและความรู้ในการจัดการพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนนิทรรศการแสดงโบราณวัตถุ

Ban Tham Indigenous Cultural Centre (ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ) It has a large collection of native agricultural tools and implements as well as ancient objects from which the cultural lifestyle of the Lanna people in the past can be studied.

Ban Tham Indigenous Cultural Centre (ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ) It has a large collection of native agricultural tools and implements as well as ancient objects from which the cultural lifestyle of the Lanna people in the past can be studied

Amphoe Dok Khamtai
Ban Tham Indigenous Cultural Centre (ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำ) is about 15 kilometres from the district town of Dok Khamtai on the way to Chiang Muan district. It has a large collection of native agricultural tools and implements as well as ancient objects from which the cultural lifestyle of the Lanna people in the past can be studied. One kilometre before the Centre is a park shaded by large trees with caves of hanging and protruding rock deposits.

แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน

ภาพพิธีเปิดศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตำบลบ้านถ้ำ
ภายในศูนย์วัฒธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านถ้ำตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านถ้ำ ทางหลวงหมายเลข 1251หลักกิโลเมตรที่ 14 ถนนดอกคำใต้ – เชียงม่วน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ริเริ่มก่อตั้งหลังจาก ที่กลุ่มเพื่อนครูพัฒนา ใน4 ตำบลได้จัดทำโครงการช่วยเหลือนักเรียนในนามเด็กรักถิ่นร่วมกับ NGO ต่อมาเห็นว่าอาจารย์อุทัย ไชยวุฒิสมาชิกกลุ่มได้เก็บรวบรวมโบราณวัตถุอยู่แล้ว จึงมีการสนับสนุนในการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านบ้านถ้ำขึ้น ซึ่งก่อตั้งและรวบรวมเอกสาร โบราณวัตถุ เครื่องใช้พื้นบ้าน เป็นศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน มีเนื้อที่ทั้งหมด 9 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นอาคารใช้แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์ที่แสดงการก่อตั้งชุมชน เครื่องใช้ โบราณวัตถุที่พบในอำเภอดอกคำใต้ ตั้งแต่ยุคหินถึงปัจจุบัน ซึ่งใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในเขตพื้นที่ 4 ตำบล มีตำบลบ้านปิน ตำบลหนองหล่ม ตำบลคือเวียง และตำบลบ้านถ้ำ ส่วนที่สองเป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชผลทางการเกษตร และพืชไร่พื้นบ้านโดยทั่วไป